เทคนิคการเพิ่มผลผลิตถั่วลิสง

ฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม เมล็ดเยอะ น้ำหนักดี ผลผลิตต่อไร่สูง


อย่างละ 20 ซี.ซี. 5 ซี.ซี.

10 กรัม
ใช้แพ็คคู่(อิมมูน พลัส, โปร-ซีบีเอ็น)อย่างละ 20 ซี.ซี., เคลียร์ 5 ซี.ซี. ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน และ ฮิวโม่-เอฟ65 10 กรัม ฉีดพ่น 1 ครั้ง
คุณประโยชน์
งอกดี งอกไว รากขาวแข็งแรง กินปุ๋ยดี โตไวสมบูรณ์


อย่างละ 20 ซี.ซี.

5 ซี.ซี.
ใช้สามสหาย(โปร-ซีบีเอ็น, แซมวิก้า, พรีคัส) อย่างละ 20 ซี.ซี.และ เคลียร์ 5 ซี.ซี. ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน
คุณประโยชน์
ต้นใหญ่สมบูรณ์แข็งแรง ใบเขียวเข้ม สะสมอาหาร ออกดอกดก ช่วยผสมเกสร ทนต่อโรค


20 ซี.ซี.

5 ซี.ซี.
ใช้ทูเบอร์ก้า 20 ซี.ซี. และ เคลียร์ 5 ซี.ซี. ฉีดพ่น 1 ครั้ง
คุณประโยชน์
เริ่มการแทงเหล็กไหล ไหลแข็งแรง แทงไหลเยอะ ติดฝักดก


อย่างละ 20 ซี.ซี.

5 ซี.ซี.
ใช้สามสหาย(โปร-ซีบีเอ็น, แซมวิก้า, พรีคัส) อย่างละ 20 ซี.ซี. และ เคลียร์ 5 ซี.ซี. ฉีดพ่นทุกๆ 7-10 วัน
คุณประโยชน์
ช่วยให้ฝักใหญ่ เมล็ดเต็ม เมล็ดเยอะ น้ำหนักดี ผลผลิตต่อไร่สูง
ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาพืช

ฮิวโม่-เอฟ65 100 กรัม ใช้แช่และคลุกเมล็ด 50 กิโลกรัม
เพิ่มการแตกราก รากขาว รากเยอะ ช่วยให้พืชกินปุ๋ยได้ดีขึ้น ต้นสมบูรณ์ เขียวทน เขียวนาน ลดต้นทุนการใช้ปุ๋ย ใช้ปริมาณน้อย ต้นทุนต่ำ ประสิทธิภาพสูง


ใช้เคลียร์ 10 ซี.ซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร
เสริมประสิทธิภาพ ป้องกัน รักษาโรคสนิม โรคเชื้อราในถั่วลิสงได้ทุกชนิด ควรฉีดพ่นแพ็คคู่ เคลียร์ ออร์กาโน-เอฟ หรือพ่นเคลียร์ ป้องกันโรคก่อนในทุกระยะ


ใช้ออร์กาโน-เอฟ 20 ซี.ซี. และ เคลียร์ 10 ซี.ซี. ต่อน้ำ 20 ลิตร
เสริมประสิทธิภาพ ป้องกัน รักษาโรคสนิม โรคเชื้อราในถั่วลิสงได้ทุกชนิด ควรฉีดพ่นแพ็คคู่ เคลียร์ ออร์กาโน-เอฟ หรือพ่นเคลียร์ ป้องกันโรคก่อนในทุกระยะ


ใช้ซอยล่อน-25 200 ซี.ซี. และ ฮิวโม่-เอฟ65 100 กรัม ต่อน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นทางดิน
สารระเบิดดิน แก้ปัญหาดินแข็ง ดินเหนียวและ ดินอัดแน่น
การปลูกและการดูแลรักษาถั่วลิสง
การเตรียมดิน
สิ่งที่เกษตรกรพึงปฏิบัติในการปลูกถั่วลิสงในขั้นตอนของการเตรียมดิน คือ ดินต้องร่วนซุย โดยการไถดินลึกประมาณ 15-20 เซนติเมตร พรวนและคราด กำจัดวัชพืช หากดินเป็นกรดควรใส่ปูนหรือหินฟอสเฟตตามค่าความต้องการปูนที่ได้จากผลการวิเคราะห์ดินซึ่งหน่วยงานที่ให้บริการวิเคราะห์ดินสามารถให้คำแนะนำได้ ควรปรับสภาพดินให้ค่าความเป็นกรดเป็นด่างอยู่ระหว่าง 5.8-6.5 การปรับสภาพดินให้เหมาะสมจะช่วยทำให้ธาตุอาหารพืชสามารถละลายออกมา และเป็นประโยชน์กับรากพืชที่จะดึงดูดไปใช้ในการเจริญเติบโตและให้ผลผลิตได้อย่างเต็มที่ ในกรณีดินด่าง-ด่างจัดเช่นดินที่มีวัตถุต้นกำเนิดดินเกิดจากหินปูน ควรใส่ปุ๋ยคอก ปุ๋ยอินทรีย์หรือปุ๋ยที่มีฤทธิ์ตกค้างเป็นกรด เช่น แอมโมเนียมซัลเฟต ใส่ตามอัตราแนะนำ สำหรับดินที่มีค่าวิเคราะห์อินทรีย์วัตถุ ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมต่ำกว่าจากที่ระบุ สามารถปลูกถั่วลิสงได้โดยการใส่ปุ๋ยตามอัตราแนะนำ
ระยะปลูก
ดินที่ปลูกถั่วลิสงในพื้นที่ไร่ไม่ต้องยกร่อง ส่วนดินที่ปลูกในที่นาฤดูแล้ง มีการให้น้ำ ควรยกแปลงให้ดินมีการระบายน้ำดี ขนาดของแปลงกว้างประมาณ 60-90 เซนติเมตร ปลูก 2-3 แถวระยะปลูกระหว่างต้น 20 เซนติเมตร ระยะระหว่างแถวประมาณ 30-50 เซนติเมตร ขึ้นอยู่กับพันธุ์และความอุดมสมบูรณ์ของดินถ้าหากปลูกถั่วลิสงพันธุ์ที่มีขนาดเมล็ดปานกลาง เช่น พันธุ์ไทนาน 9, ขอนแก่น 5, ขอนแก่น 4 ฯลฯ ควรใช้ระยะระหว่างต้น xระยะระหว่างแถว 20x30 เซนติเมตร หากปลูกถั่วลิสงเมล็ดโต (จัมโบ้)และพันธุ์กาฬสินธุ์ 2 ควรใช้ระยะระหว่างต้น xระยะระหว่างแถว 20x50 เซนติเมตร
วิธีการปลูก
ขั้นตอนการปลูกควรแยกกลุ่มตามขนาดเมล็ด โดยกลุ่มที่มีเมล็ดขนาดโตให้ปลูกในกลุ่มเดียวกัน ส่วนขนาดเมล็ดเล็กถึงปานกลางก็ให้แยกกลุ่ม เพื่อให้เกิดความสม่ำเสมอในการเจริญเติบโตในพื้นที่ กลุ่มเมล็ดขนาดเล็กสามารถเจริญเติบโตให้ผลผลิตได้ดี เช่นเดียวกับกลุ่มเมล็ดขนาดใหญ่
การดูแลรักษา
-ใช้ปุ๋ยสูตร 12–24–12 อัตรา 25 กิโลกรัม/ไร่ หรือ สูตร 16–16–8 อัตรา 35 กิโลกรัม/ไร่ รองก้นหลุมก่อนปลูกหรือโรยข้างแถว แล้วพรวนดินกลบหลังถั่วลิสงงอก 10–15 วัน
-ดินที่มีปริมาณแคลเซียมต่ำ ควรหว่านปูนขาว อัตรา 100–200 กิโลกรัม/ไร่แล้วพรวนดินก่อนปลูก หรือโรยยิปซัมให้ต้นถั่วลิสง ในช่วงออกดอก อัตรา 50 กิโลกรัม/ไร่ เพื่อ ลดเปอร์เซ็นต์เมล็ดลีบ และเพิ่มเปอร์เซ็นต์การกะเทาะ
การกำจัดวัชพืช
-ไถ 1 ครั้ง ตากดิน 7–10 วัน พรวน 1 ครั้ง แล้วคราดเก็บเศษซาก ราก เหง้า หัว และไหล ของวัชพืชข้ามปีออกจากแปลง กำจัดวัชพืชด้วยแรงงาน 1–2 ครั้ง เมื่อ 15 วันหรือ 30–40 วัน หลังถั่วลิสงงอกโดยใช้จอบดายระหว่างแถว และใช้มือถอนระหว่างต้น ต้องระวังไม่ให้รากและต้นของถั่วลิสงกระทบกระเทือน
-ในกรณีที่กำจัดวัชพืชด้วยแรงงานหรือเครื่องจักรกลที่ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ควรพ่นสารกำจัดวัชพืชก่อนหรือหลังปลูกถั่วลิสง หลีกเลี่ยงการพ่นสารกำจัดวัชพืชโดยตรงไปที่ต้นถั่วลิสง
ที่มา : กรมส่งเสริมการเกษตร
โรคถั่วลิสง
โรคราสนิม

สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Puccinia arachidis spegazzini
ลักษณะอาการ ถั่วลิสงที่เป็นโรคจะพบแผลตายสีน้ำตาลขนาดเท่าหัวเข็มหมุด กระจายอยู่ทั่วผิวใบเริ่มจากใบล่างแล้วค่อยลุกลามขึ้นสู่ใบบน แผลดังกล่าวถ้าดูจากด้านหลังใบจะปรากฏเป็นเพียงจุดสีเหลือง แต่เมื่อพลิกดูใต้ใบจึงจะเห็นเป็นตุ่มนูนขึ้น ปกคลุมด้วยผงสปอร์ลักษณะคล้ายผงสนิมเหล็กจำนวนมากมาย ในกรณีที่เป็นโรครุนแรงใบอาจจะเหลือและแห้งตาย โรคราสนิมนี้ถ้าเกิดโรคระยะที่ถั่วแก่แล้วจะไม่ทำความเสียหายกับผลผลิตมากนัก แต่ถ้าเข้าทำลายในระยะที่ถั่วลิสงอยู่ในระยะออกดอกถึงฝักอ่อน จะทำให้ผลผลิตลดลงมาก โดยมีผลทำให้เมล็ดถั่วลิสงมีขนาดเล็กและลีบ
การแพร่ระบาด เชื้อราแพร่ระบาดโดยลมหรือฝนพัดพาสปอร์ไปตกตามใบ ความชื้นสูงจะมีส่วนทำให้การระบาดรุนแรงมากขึ้น
การป้องกันกำจัด
1.ถ้าทำได้ ควรเลี่ยงการปลูกถั่วลิสงตอนช่วงกลางหรือปลายฤดูฝน เพราะเป็นช่วงที่มักมีการระบาดของโรคราสนิม
2.พิจารณาใช้สารเคมีป้องกันกำจัดตามความเหมาะสม จำนวนครั้งที่จะฉีดพ่นขึ้นกับความรุนแรงของโรคและช่วงเวลาการเกิดโรค
3.พยายามทำลายซากพืชที่เป็นโรคให้หมดหลังการเก็บเกี่ยว เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งแพร่ระบาดของโรคในฤดูถัดไป
โรคลำต้นเน่าหรือโคนเน่าขาว

สาเหตุ เกิดจากเชื้อรา Sclerotium rolfsii
ลักษณะอาการ เชื้อราอาจเข้าทำลายส่วนใดส่วนหนึ่งของพืช อาจเป็นโคนต้น กิ่งก้าน เข็ม ฝัก จะทำให้เกิดแผลเน่าสีน้ำตาลอ่อน เนื้อเยื่อบริเวณแผลจะยุบตัวลง ส่วนยอดของพืชจะแสดงอาการเหี่ยวเฉาและแห้งตายในที่สุด ในระยะที่พืชเริ่มเหี่ยวจะพบเส้นใยของเชื้อราสีขาว ตามส่วนของพืชที่เป็นโรคหรือตามผิวดิน ซึ่งต่อมาจะพบเม็ด Sclerotium มีขนาดเล็กเท่าเมล็ดผักกาดสีน้ำตาล เชื้อราที่เข้าทำลายส่วนของเข็ม จะทำให้เข็มหลุดจากลำต้นหากทำลายฝักจะทำให้ฝักเน่า
การแพร่ระบาด โรคนี้สามารถแพร่ระบาดไปได้ง่ายโดยอาจจะติดไปกับดิน เศษซากพืชหรือต้นพืชที่เป็นโรค การแพร่กระจายของเชื้อราส่วนใหญ่จะเป็นไปในรูปของเม็ด Sclerotium มากกว่ารูปของเส้นใย เขื้อราอยู่ข้ามฤดูในรูปของเม็ด Sclerotium โดยตกอยู่ตามดิน หรือเศษซากพืชเมื่อสภาพแวดล้อมเหมาะสมก็จะงอกเจริญกลายเป็นเส้นใยเข้าทำลายพืชต่อไป
สภาพแวดล้อมที่เหมาะสม เชื้อรา S.rolfsii จะเจริญได้ดีในที่ที่มีความชื้นสูง อุณหภูมิอยู่ระหว่าง 30-500 องศาเซลเซียส ความเป็นกรดด่างอยู่ระหว่าง 6-7 ชอบดินร่วนปนทรายมากกว่าดินค่อนข้างเหนียว
การป้องกันกำจัด
1.คลุกเมล็ดถั่วลิสงก่อนปลูกด้วยสารเคมี
2.หลังจากเก็บเกี่ยวแล้วควรมีการไถกลบหน้าดินให้ลึกกว่า 6 นิ้ว เพื่อกลบเม็ด Sclerotium
3.ปลูกพืชหมุนเวียนที่ทนทานต่อเชื้อราชนิดนี้ เช่น ข้าวโพด ข้าวฟ่าง เป็นต้น
ที่มา : กรมวิชาการเกษตร
การนำไปใช้ประโยชน์
2.ใช้เพื่อเป็นวัตถุดิบในโรงงานต่างๆ ทั้งในระดับครัวเรือนและโรงงานได้หลายประเภท ดังนี้
-โรงงงานต้ม ตาก หรืออบแห้งถั่วลิสงทั้งเปลือก ไว้จำหน่ายเพื่อบริโภค ในประเทศในช่วงปลายฤดูหรือช่วงที่ขาดแคลน หรือส่งออกจำหน่ายต่างประเทศ เช่น มาเลเซีย สิงค์โปร์ และฮ่องกง เป็นต้น ถั่วลิสงที่ใช้ควรเป็นถั่วใหม่และสดไม่เกิน 3-5 วัน หลังจากเก็บเกี่ยวเพื่อให้ได้คุณภาพดี ความต้องการโดยเฉลี่ยปีละ 20,000-25,000 ตัน ส่วนใหญ่ผลิตเฉพาะในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม และเดือนสิงหาคมถึงเดือนกันยายน ถั่วลิสงทั้งเปลือกสดที่ผ่านการต้มแล้วเมื่อนำไปตากจนเหลือน้ำหนัก แห้งเฉลี่ยร้อยละ 52-55 แต่ถ้าใช้เครื่องอบจะเหลือน้ำหนักแห้งเฉลี่ยร้อยละ 50-51
-โรงงานหีบหรือสกัดน้ำมัน ถั่วลิสงที่ใช้ส่วนใหญ่มีคุณภาพต่ำเมล็ดลีบ มีขนาดเล็กและแตกหักความต้องการใช้เมล็ดในปีหนึ่งๆ มีประมาณ 12,000 ตัน ซึ่งจะ ได้น้ำมันประมาณ 11,000 ตันเศษ ส่วนใหญ่ใช้ภายในประเทศ ส่งออกปริมาณน้อย
-โรงงานถั่วลิสงป่น เพื่อใช้ประกอบผลิตภัณท์อาหารต่างๆ เช่น ถั่วตัด และถั่วป่นซึ่งโรงงานส่วนใหญ่มีลักษณะเป็นอุตสาหกรรมในครัวเรือน และผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศทั้งสิ้น
-โรงงานอาหารสัตว์ จะใช้กากถั่วลิสงที่ได้จากโรงงานสกัดน้้ามันเป็นวัตถุดิบ เพื่อทดแทนการใช้กากถั่วเหลืองที่มีคุณภาพใกล้เคียงกันในสัดส่วนประมาณร้อยละ 50 โดยน้ำหนักแม้จะมีปัญหาเรื่องสารพิษอะฟลาทอกซินที่มีผลต่อการเจริญเติบโต และเป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยง เนื่องจากกากถั่วลิสงมีราคาถูกกว่าปลาป่นและกากถั่วเหลือง ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณไม่เพียงพอต่อความต้องการ อย่างไรก็ตามกากถั่วลิสงไม่เพียงพอ ต่อความต้องการโดยเฉลี่ยปีละประมาณ20,000 ตันเศษ แต่ผลิตได้เพียง 11,000-12,000 ตันเศษเท่านั้น ทำให้ต้องนำเข้าจากต่างประเทศ
ที่มา: สำนักงาน กศน.